กรองแอร์รถยนต์ ควรเปลี่ยนตอนไหน? เคล็ดลับดูแลรถให้แอร์เย็นสะอาด
กรองแอร์รถยนต์ ควรเปลี่ยนตอนไหน? เช็กสัญญาณก่อนแอร์รถพัง!
กรองแอร์รถยนต์ เป็นส่วนสำคัญที่ช่วยกรองฝุ่นละออง เชื้อโรค และสิ่งสกปรกต่าง ๆ ไม่ให้เข้าสู่ระบบแอร์ของรถ หากละเลยไม่เปลี่ยนตามกำหนด อาจทำให้แอร์ทำงานหนักขึ้น มีฝุ่นสะสม และเกิดกลิ่นอับภายในรถได้ วันนี้เรามาดูกันว่า ควรเปลี่ยนกรองแอร์เมื่อไหร่ และมีวิธีดูแลอย่างไรบ้าง
กรองแอร์รถยนต์ควรเปลี่ยนเมื่อไหร่?
โดยทั่วไป ฟิลเตอร์แอร์รถยนต์ ควรเปลี่ยนทุก ๆ
15,000 – 20,000 กิโลเมตร หรือ
1 ปี (ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมการใช้งาน)
แต่หากขับขี่ในพื้นที่ที่มีฝุ่นเยอะ เช่นในกรุงเทพฯ ณ ปัจจุบัน หรือบริเวณที่มีการก่อสร้าง อาจต้องเปลี่ยนเร็วกว่านั้น เช่น ทุก 10,000 กิโลเมตร หรือทุกๆ 6 เดือน
สัญญาณที่ควรเปลี่ยนฟิลเตอร์แอร์
✅ แอร์มีกลิ่นอับ
✅ ลมแอร์เบา หรือแรงลมลดลง
✅ ฝุ่นสะสมบนฟิลเตอร์มาก
✅ มีฝุ่นหรือกลิ่นไม่พึงประสงค์ในห้องโดยสาร
การเปลี่ยนฟิลเตอร์แอร์เป็นประจำช่วยให้ระบบแอร์ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ อากาศสะอาดขึ้น และช่วยลดภาระของคอมเพรสเซอร์แอร์ ????????
สัญญาณที่บ่งบอกว่าควรเปลี่ยนกรองแอร์
- แอร์เริ่มมีกลิ่นอับ – สาเหตุจากฝุ่นสะสมและเชื้อราในกรองแอร์
- แอร์ไม่เย็น หรือเย็นช้าลง – กรองแอร์อุดตันทำให้ลมแอร์ไม่แรง
- มีฝุ่นภายในรถมากขึ้น – กรองแอร์เสื่อมสภาพ กรองฝุ่นได้ไม่ดี
- มีอาการภูมิแพ้หรือไอมากขึ้น – กรองอากาศที่สกปรกทำให้เกิดอาการแพ้
วิธีเปลี่ยนและดูแลกรองแอร์ให้ใช้งานได้นาน
- หมั่นตรวจเช็กกรองแอร์ทุก 3-6 เดือน หากมีฝุ่นมากควรเปลี่ยนทันที
- ใช้เครื่องดูดฝุ่นทำความสะอาดเบื้องต้น หากยังไม่ถึงเวลาต้องเปลี่ยน
- เลือกกรองแอร์ที่มีคุณภาพดี เช่น กรองแอร์คาร์บอนที่ช่วยลดกลิ่นอับและเชื้อโรค
- พ่นสเปรย์ฆ่าเชื้อในระบบแอร์ เพื่อลดแบคทีเรียสะสม
สรุป
การเปลี่ยน กรองแอร์รถยนต์ อย่างสม่ำเสมอช่วยให้แอร์ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ลดกลิ่นอับ และช่วยป้องกันเชื้อโรคที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ หากพบสัญญาณที่บ่งบอกว่ากรองแอร์เริ่มเสื่อมสภาพ ควรรีบเปลี่ยนทันทีเพื่อความสะอาดและประสิทธิภาพที่ดีของแอร์รถคุณ