ล้างแอร์รถยนต์สำคัญอย่างไร ?

ทำไมถึงต้อง "ล้างแอร์รถยนต์" ตู้แอร์ในรถยนต์ก็เหมือนกับตู้แอร์หรือแผงแอร์ในบ้านเรา เมื่อผ่านการใช้งานเป็นเวลานานเป็นปี ก็จะมีฝุ่นหรือสิ่งสกปรกต่างๆ หากมีการสะสมของฝุ่นเป็นจำนวนมากๆก็จะทำให้ประสิทธิภาพความเย็นที่ออกมาจากห้องโดยสารลดลงหรือทำให้แอร์รถยนต์เราเย็นน้อยลงนั้นเอง ยิ่งในประเทศไทยเป็นเมืองร้อน เราจึงจำเป็นต้องล้างแอร์รถยนต์เป็นประจำอย่างน้อยปีละ 1-2 ครั้ง

ล้างแอร์รถยนต์แบบถอดตู้ Vs แบบไม่ถอดตู้ เลือกแบบไหนดี

ล้างแอร์รถยนต์แบบถอดตู้

มีค่าใช้จ่ายที่สูงมากครั้งละ4,000 - 5,000บาท ใช้เวลาหลายวัน เพราะต้องถอดอะไหล่ หลายชิ้น และมีความเสี่ยงที่จะเกิดความ เสียหายต่ออะไหล่รถยนต์ที่ทำการถอด แต่จะได้ความสะอาดแบบ 100%

ข้อดี ล้างแอร์รถยนต์แบบถอดตู้

-แอร์รถยนต์สะอาดได้ทุกซอกทุกมุม
-สามารถตรวจสอบหรือเช็คสภาพของตู้ แอร์รถยนต์ ได้
-สามารถประเมินอายุการใช้งานของ แอร์รถยนต์ ได้

ข้อเสีย ล้างแอร์รถยนต์แบบถอดตู้

ต้องยุ่งยากรื้อคอนโซล ใช้เวลาทำความสะอาดนาน มีค่าใช้จ่ายสูงกว่าแบบไม่ถอดตู้ แอร์รถยนต์ ถ้าเจอร้านใช้ผงซักฟอก โซดาไฟในการล้าง เมื่อเวลาประกอบกลับเข้าไป แล้วเปิดแอร์จะรู้สึกว่ามีกลิ่นผงซักฟอก แสดงว่ายังบ้างออกมาไม่หมด อาจกัดกร่อนคอยล์เย็นได้ และเมื่อเวลาสูบดูดเข้าไป จะส่งผลไม่ดีต่อระบบหายใจแน่นอน

ล้างแอร์รถยนต์แบบไม่ถอดตู้ (AirPro)

มีค่าใช้จ่ายเริ่มต้น 799บาท ใช้เวลาไม่เกิน 1ชม.เพราะไม่ต้องถอดอะไหล่ให้วุ่นวาย โอกาสที่จะเกิดความเสียหายเป็น 0% ความสะอาด90-95% แถม มีบริการ อบโอโซน และ ฉีดพ่นฆ่าเชื้อภายใน รถยนต์ให้แบบฟรีๆ ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม

ข้อดี ล้างแอร์รถยนต์แบบไม่ถอดตู้

-ไม่ต้องรื้อคอนโซล
-ทำความสะอาดง่ายกว่า
-ค่าใช้จ่ายถูกกว่าแบบถอดตู้ แอร์รถยนต์
-ใช้เวลาในการทำความสะอาดเร็วกว่าแบบถอดตู้ แอร์รถยนต์

ข้อเสีย ล้างแอร์รถยนต์แบบไม่ถอดตู้

ถ้าหากแอร์รถยนต์ไม่เคยล้างมาเป็นเวลาหลายปีหรือสกปรกมาก อาจจะล้างไม่สะอาดเท่าที่ควร เพราะฉะนั้นควรจะล้างแอร์รถยนต์แบบไม่ถอดตู้อย่างน้อยปีละ 1-2 ครั้ง
Phone
Line
Line
Phone